Thursday, August 6, 2020

ซัด "คดีบอส อยู่วิทยา" ไม่ชัดเจน ตู่ไม่โอเค ตามจับตาใกล้ชิด - ไทยรัฐ

terasibon.blogspot.com

กรณีสำนักข่าวต่างประเทศตีแผ่ข่าวอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา อายุ 31 ปี กรณีขับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่ชนรถ จยย. ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิตบนถนนสุขุมวิท เหตุเกิดเมื่อเช้ามืดวันที่ 3 ก.ย.2555 แล้วหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศจนถูกออกหมายจับ รวมทั้งออกหมายแดงตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) หลังการสั่งคดียืดเยื้อมากว่า 7 ปี ความผิดบางข้อหาหมดอายุความไปแล้ว เหลือแต่คดีหลักขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต่อมาอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องโดยตำรวจไม่มีความเห็นแย้งอย่างเงียบๆ ทำให้นายวรยุทธกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ ขอถอนหมายจับทั้งในประเทศและตำรวจสากล หลังความแตกสร้างกระแสความไม่พอใจให้คนในสังคมอย่างรุนแรง จนหน่วยงานอัยการ ตำรวจ รวมไปถึงรัฐบาล ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคดีที่เกิดขึ้น ล่าสุดคณะกรรมการตรวจสอบคดีฝ่ายอัยการ แถลงผลการสอบสวนพบว่า ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับความเร็วรถเฟอร์รารี่และผลตรวจเลือดของบอสไม่อยู่ในสำนวนทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง คดียังไม่ถือว่าถึงที่สุดจะให้ตำรวจสอบสวนประเด็นเหล่านี้ใหม่ มาประกอบการพิจารณาสั่งคดี

“บิ๊กตู่” ย้ำต้องทำให้ ปชช. เชื่อมั่น ตร.

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ส.ค. ที่ห้องวิภาวดีบอลรูม โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวตอนหนึ่งในการเป็นประธานกล่าวเปิดงานและปาฐกถาพิเศษ Bangkok Post Forum 2020: “พลิกฟื้นประเทศไทย : ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง” โดยมีนักธุรกิจ และคณะทูตานุทูตเข้าร่วมว่า ตนเข้ามาพยายามแก้ปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ มีผลงานปรากฏมากอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด การปราบปรามการค้ามนุษย์ และการหลอกลวง รวมถึงความผิดต่างๆ มีสถิติการทำงานอยู่ทุกเดือน สั่งให้ทุกคนต้องรายงานขึ้นมา ฉะนั้นอะไรที่ดูแล้วไม่น่าจะดี ยังไม่ดี ตนกำชับไปยังหัวหน้าหน่วยงานหลายหน่วย ตนทำได้เพียงแต่ต้นทางในฐานะที่ดูแลตำรวจ ต้องทำให้ตำรวจเป็นตำรวจที่ประชาชนเชื่อมั่น ยังมีปัญหาอยู่เยอะ เพราะนั่นคือมนุษย์คือคน มันมีทั้งคนดี คนไม่ดี มีผลประโยชน์และไม่มีผลประโยชน์ แต่ทำอย่างไรจะทำสิ่งเหล่านี้ให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งอยู่ที่ตัวเราเองทุกคน ทุกท่านรู้ตัวว่าทำดีหรือไม่ดี

ไม่โอเคคดีไม่ชัดเจน

“เรื่องที่กำลังเป็นประเด็นใหญ่ที่สังคมให้ความสนใจคือเรื่องบอส เรื่องนี้ท้าทายระบบยุติธรรมและระบบกฎหมาย กระทบต่อความไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อระบบรัฐทั้งหมด ผมจึงขอแสดงจุดยืนเรื่องบอส อยู่วิทยาว่า ผมไม่โอเคกับหลายเรื่องที่ยังไม่ชัดเจน ผมต้องการให้มีความโปร่งใส จะผลักดันและติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมที่จะดำเนินการ หลังจากเห็นข้อสรุปของคณะกรรมการที่ผมตั้งขึ้นซึ่งมีความเป็นอิสระ และประกอบไปด้วยผู้ที่เป็นที่ยอมรับของสังคม ทั้งในเรื่องความรู้และความเป็นกลาง พร้อมดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และกฎหมายที่มีอยู่ ถือเป็นคดีได้อีกหลายแสนหลายล้านคดีในประเทศไทย เป็นคดีที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะไม่ต้องการให้ทุกอย่างสร้างความไม่เชื่อมั่นต่อไป ที่พูดมาทั้งหมดเพื่อให้เห็นบทบาทนายกฯ ว่าอยู่ตรงไหน ถ้าให้ลงไปข้างล่างคงเป็นไปไม่ได้ แต่สามารถติดตามกำกับดูแลประเมินผลจากบนลงล่าง หาคำตอบมา” นายกฯกล่าว

รับไม่ได้อย่าให้เกิดขึ้นอีก

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงคดีบอส อยู่วิทยา ที่ได้พูดในระหว่างปาฐกถาที่มีทูตานุทูตร่วมฟังว่า ตนต้องการสร้างความเข้าใจกับต่างประเทศ มันควรจะมาจากระบบกฎหมายไทยไม่ดีกว่าหรือ อะไรที่มันผิด มันบกพร่องก็ควรแก้ไป คดีมันมีตั้ง เป็นแสนคดี ไม่อย่างนั้นทุกอย่างมันพันกันหมด ต้องไปแก้จุดที่มันเป็นจุดอ่อน ขั้นตอน กระบวนการ กฎหมายต่างๆต้องไปดูตรงนั้นอีก ไม่อย่างนั้นเกิดช่องว่างอยู่อย่างนี้ ตนรับไม่ได้ตอนนี้เหมือนกับพวกเรา อย่าให้มันเกิดขึ้นอีก

ประธาน ก.อ.จี้สอบใช้ดุลพินิจ

กรณีมีกระแสข่าวว่า อาจมีการสอบข้อเท็จจริงในการใช้ดุลพินิจออกคำสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ของอัยการชั้นผู้ใหญ่นายหนึ่ง ความคืบหน้าที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (กอ.) กล่าวว่า ถ้าพบว่ามีการกระทำความผิดวินัยแล้วต้องสอบสวนวินัย อัยการสูงสุดเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของอัยการ สามารถตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยได้เลย เมื่อคณะกรรมการสอบสวนวินัยได้ความประการใดขั้นตอนต่อไปต้องส่งมาที่สำนักงานคณะกรรมการอัยการว่า สอบสวนถูกต้องหรือไม่ ถ้าการสอบสวนวินัยแล้วผลออกมามีความเห็นว่า ไม่ได้กระทำความผิดจะสั่งยุติเรื่องไป แต่ถ้าผลสอบออกมาว่า กระทำความผิดวินัยจริงจะเสนอคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) พิจารณาต่อไป กรณีที่กล่าวมาหมายถึงเป็นวินัยไม่ร้ายแรง แต่ถ้าผลการสอบสวนชั้นต้นตามที่ อสส.ตั้งเห็นว่า เป็นกรณีการกระทำความผิดวินัยร้ายแรง อสส.ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายเเรงเองไม่ได้ ต้องส่งให้คณะกรรมการอัยการ หรือ ก.อ.เป็นคนตั้งกรรมการสอบสวน ส่วนในตอนนี้ตั้งกรรมการสอบสวนชั้นต้นเเล้วหรือไม่ ตนไม่ทราบ เเต่ถ้าเป็นเรื่องประชาชนสนใจอย่างคดีนี้ ตนจะถามในที่ประชุม ก.อ.วันที่ 18 ส.ค.นี้ ว่าผลเป็นอย่างไร

ต้องรอง อสส.ขึ้นไปเป็นประธาน

เมื่อถามว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับดุลพินิจของอัยการระดับชั้นผู้ใหญ่ (รอง อสส.) ที่ออกคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ กก.ผู้สอบวินัยต้องมีคุณสมบัติอย่างไร นายอรรถพลกล่าวว่า คุณสมบัติต้องไม่ต่ำกว่าผู้ถูกสอบเช่น ระดับรอง อสส.เเต่ละคนมีเงินเดือนเท่ากันสามารถเป็นประธานคณะทำงานได้ ส่วนกรรมการสามารถอาวุโสต่ำกว่าได้หรืออัยการสูงสุดสามารถมานั่งเป็นประธานเองก็ได้ นอกจากนี้นายอรรถพลกล่าวถึงอำนาจหน้าที่ของ ก.อ.ในเรื่องนี้ว่า มีอำนาจหน้าที่ตั้งอนุกรรมการหรือคณะบุคคลให้มาดำเนินการอย่างไรก็ได้ โดยเฉพาะเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ 2553 มาตรา 30 (4) เเต่ ก.อ.จะตั้งหรือไม่ ขอดูข้อเท็จจริงก่อน เพราะ อสส.อาจจะ ตั้งกรรมการสอบเบื้องต้นอย่างที่กล่าวมาเเล้วก็ได้ เเต่ขณะนี้ ก.อ.ยังไม่ทราบ ส่วนประเด็นที่ตนเสนออัยการสูงสุดว่า คำสั่งของรอง อสส.ผู้นี้ (นายเนตร นาคสุข) อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย เเละถือว่าคำสั่งฟ้องนายวรยุทธ ตามคำสั่งอธิบดีอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ยังอยู่ ต้องขึ้นกับอัยการสูงสุดว่าเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าอัยการสูงสุดเห็นด้วยให้แจ้งความเห็นไปยังพนักงานสอบสวนหรือ สตช.เพื่อให้ดำเนินการติดตามตัวมาฟ้องต่อ โดยไม่ต้องถอนหมายจับนายวรยุทธ

อัยการเลื่อนพบ กก.ชุด “บวรศักดิ์”

ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นายธานี วรภัทร์ คณะทำงาน และเลขานุการคณะทำงานตรวจสอบอัยการ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน แถลงข่าวกรณีคณะทำงานตรวจสอบอัยการ ภายใต้กรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เชิญนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เข้าให้ถ้อยคำกรณีอัยการไม่สั่งฟ้องคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ว่า วันนี้ (6 ส.ค.) นายประยุทธ รองโฆษกอัยการในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาสั่งคดีนายวรยุทธแจ้งมาว่า ไม่สามารถเข้าให้ข้อมูลได้ เนื่องจากติดภารกิจ ขอเลื่อนการให้ข้อมูลเป็นวันอาทิตย์ที่ 9 ส.ค. เวลา 13.00 น. ดังนั้นคณะทำงานจึงเลื่อนการประชุมดังกล่าวไปเป็นวันที่ 9 ส.ค.

ร้องสภาวิศวกรฟัน “สายประสิทธิ์”

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เผยว่า ตามที่สื่อมวลชนรายงานว่านายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม ตรวจสอบและให้ความเห็นการคำนวณความเร็วรถยนต์นายวรยุทธ อยู่วิทยา เมื่อปลายปี 2562 ได้ความเร็ว 76.175 กม.ต่อ ชม. เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งให้อัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องนายวรยุทธ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม ในเว็บไซต์สภาวิศวกรนายสายประสิทธิ์เป็นสมาชิกสามัญสภาวิศวกร เลขที่สมาชิก 54877 เลขที่ใบอนุญาต ภก.8787 ระดับภาคีวิศวกร สาขาเครื่องกล วันที่ได้รับครั้งแรก 25 ธ.ค.35 วันที่เริ่มใช้ 18 ธ.ค.54 วันที่หมดอายุ 17 ธ.ค.59 สถานภาพใบอนุญาต “ไม่มี” กรณีสมาชิกภาพขาดต่ออายุจะส่งผลให้ใบอนุญาตของผู้นั้นสิ้นสุดลงทันทีตามมาตรา 49 แห่ง พ.ร.บ.วิศวกร 2542 การดำเนินการของนายสายประสิทธิ์ถือเป็นการประกอบวิชาชีพวิศวกรรม ควบคุม ในงานพิจารณาตรวจสอบ ในการวิเคราะห์ ตรวจสอบ การหาข้อมูลเพื่อใช้เป็นหลักเกณฑ์หรือประกอบการตรวจสอบวินิจฉัยงาน หรือการสอบทานและให้ความเห็นตามกฎกระทรวงกำหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมและวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม 2550 ออกตามความ พ.ร.บ.วิศวกร 2542 ความเห็นดังกล่าวทำให้สาธารณชนวิพากษ์วิจารณ์ถึงความน่าเชื่อถือในความมีมาตรฐานของวิศวกรอย่างมาก

ลั่นความเห็นความเร็วรถเป็นโมฆะ

“ขณะที่ให้ความเห็นในการวิเคราะห์ ตรวจสอบ การหาข้อมูล เพื่อใช้เป็นหลักเกณฑ์ หรือประกอบการตรวจสอบวินิจฉัยความเร็วรถของนายวรยุทธ อยู่วิทยา เมื่อปี 2562 นายสายประสิทธิ์ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมเพราะขาดต่ออายุตั้งแต่ปี 2559 การให้ความเห็นดังกล่าวเป็นโมฆะ ถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.วิศวกร 2542 ม.45 อันมีความผิดตาม ม.71 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนข้อบังคับสภาวิศวกรว่าด้วยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพวิศวกรรม และการประพฤติผิดจรรยาบรรณอันจะนํามาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ 2543 และ 2559 อีกด้วย สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายกสภาวิศวกรให้ใช้อำนาจตาม ม.33 ประกอบ ม.34 (1) แห่ง พ.ร.บ.วิศวกร 2542 ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษนายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม ตามครรลองของกฎหมายข้างต้นต่อไป หากเพิกเฉยไม่ดำเนินการ สมาคมฯจะร้องเรียนไปยัง รมว.มหาดไทย ซึ่งเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายวิศวกร เพื่อเอาผิดนายกสภาวิศวกร ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป” นายศรีสุวรรณกล่าว

ตร.สอบ 2 ผู้เชี่ยวชาญความเร็วรถ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น นวท. (สบ 4) กลุ่มงานตรวจเคมีฟิสิกส์ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และนายสธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตที่ปรึกษาสำนักงานกองพิสูจน์หลักฐาน เดินทางเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตำรวจ ประเด็นการทำข้อมูลเรื่องความเร็วรถของนายวรยุทธ อยู่วิทยา เป็นข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในสำนวนคดีเมื่อปี 2555 ทันทีที่ทั้ง 2 คนเดินทางมาถึง ตำรวจแยกห้องเพื่อซักถามข้อมูล

“สธน” ยันความเร็วรถบอส

นายสธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ เผยกับสื่อมวลชนก่อนเข้าให้ข้อมูลกับคณะกรรมการฯว่า ยินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง วันนี้ได้รับการประสานจากคณะทำงานตำรวจ จึงเร่งเข้ามาให้ข้อมูล เป็นรายละเอียดในส่วนใดบ้างต้องรอหลังการสอบปากคำก่อน ทั้งนี้ ส่วนตัวยังยืนยันเรื่องความเร็วรถนายวรยุทธเช่นเดิม ส่วนประเด็นที่อัยการขอความร่วมมือให้ตรวจสอบรถคันอื่นที่อยู่ในคลิปเหตุการณ์ นายสธนกล่าวว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบรถจักรยานยนต์ของดาบตำรวจผู้เสียชีวิต และรถกระบะของพยานอยู่ ยืนยันแม้จะถูกเรียกมาให้ชี้แจงข้อมูลไม่มีความเครียดและกังวล ระหว่างการสัมภาษณ์ พ.ต.อ.ธนสิทธิเดินผ่านมายกมือไหว้นายสธน แล้วหันมากล่าวเพียงสั้นๆกับสื่อมวลชนว่า ตนไม่สามารถให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนได้ ให้ถามรายละเอียดกับคณะกรรมการอย่างเดียวเท่านั้น ก่อนถูกนำตัวไปสอบปากคำอีกห้อง

คณะกรรมการให้รอแถลงผลสอบ

ด้าน พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า วันนี้เรียกทั้ง 2 คนเข้ามาให้ข้อมูลเรื่องวิธีการคำนวณความเร็วรถเฟอร์รารี่ของนายวรยุทธ อยู่วิทยา แต่ละฝ่ายใช้วิธีคำนวณแบบใด ถึงได้ตัวเลขความเร็วออกมา การสอบสวนมีความคืบหน้าไประดับหนึ่งแล้ว ส่วนประเด็นที่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ ให้การเรื่องความเร็วรถ 2 ครั้งไม่ตรงกัน ตนไม่ทราบ ส่วนรายละเอียดอื่นๆต้องรอในวันแถลงข่าว แต่จะแถลงวันใดต้องไปถาม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.

ตม.ยัน พงส.ถอนหมายจับบอส

ที่ สตม. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. เผยว่า ในระบบฐานข้อมูล สตม. ต้องมีเอกสารจากหน่วยงานราชการ ประสานมาเพื่อให้นำข้อมูลเข้าระบบ ก่อนหน้านี้ หลังจากพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ขอออกหมายจับนายวรยุทธ สตม.ทำการนำเข้าสู่ระบบและเฝ้าระวังตรวจสอบการเดินทางเข้าออกอยู่ตลอด แต่หลังจากนั้นพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ มีหนังสือมาอีกครั้ง ขอยกเลิกหมายจับนายวรยุทธ เนื่องจากอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง สตม.จึงลบข้อมูลออกจากระบบตามเอกสารแจ้งมา ทำให้ปัจจุบันนายวรยุทธสามารถเดินทางเข้าออกประเทศไทยได้ แต่หากเข้ามาช่วงเวลานี้ ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องมาตรการควบคุมโรคติดต่อโควิด-19 เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขต้องนำไปกักตัว เฝ้าระวังตามมาตรการ STATE QUARANTINE สังเกตอาการ ณ สถานกักกันโรคของรัฐเป็นเวลา 14 วัน

แจงไทม์ไลน์พยานที่เสียชีวิต

ด้าน พล.ต.ต รอง ผบช.สตม. เผยว่า กรณีนายจารุชาติ มาดทอง พยานในคดีที่เสียชีวิต สังคมมีความสงสัยว่า อยู่ที่ไต้หวัน แต่มาให้ปากคำในประเทศไทยได้อย่างไรพบว่า วันที่ 8 ก.ย.2555 หลังเกิดเหตุ นายจารุชาติยังอยู่ในไทยและให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนครั้งแรก จากนั้นออกจากไทยไปไต้หวันเมื่อปี 2557 อยู่ที่ไต้หวัน 3 ปี กระทั่งบินกลับมาไทยเมื่อปี 2560 และเข้าพบพนักงานสอบสวนครั้งที่ 2 วันที่ 2 ธ.ค.2562 ก่อนที่จะเสียชีวิต

ลูกน้องอดีต ส.ว.ฉกมือถือคนตาย

ที่ จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เปิดเผยความคืบหน้าคดีนายจารุชาติ มาดทอง พยานคดีบอส-วรยุทธ ประสบอุบัติเหตุรถ จยย.เสียชีวิตในพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ว่า ตำรวจเชิญผู้เกี่ยวข้องตลอดจนถึงอดีต ส.ว.ที่เป็นคนรับผู้ตายมาทำงานเรียบร้อยแล้ว ส่วนประเด็นที่สังคมสงสัย ใครเอาโทรศัพท์มือถือผู้ตายไป ขณะนี้ทราบตัวแล้วชื่อนายพศิน หรือล้าน อัครเดชธนโชติ เป็นลูกน้องคนสนิทอดีต ส.ว.คนดังกล่าว สอบสวนเจ้าตัวยอมรับอ้างว่า เคยถ่ายรูปกับผู้เสียชีวิตหลายครั้ง อีกทั้งตัวเองจะลงสมัครนายกเทศบาลตำบลสุเทพ พอทราบว่า ผู้ตายเป็นพยานคนสำคัญคดีดังกล่าว กลัวว่าจะมีผลกระทบต่อการเลือกตั้ง ขอโทรศัพท์มือถือจากญาติไปลบภาพตัวเอง เมื่อมีข่าวชายลึกลับเอาโทรศัพท์มือถือผู้ตายไป ทำให้เกิดความกลัวทุบทำลายโทรศัพท์ไปทิ้งถังขยะ ขณะนี้ญาติผู้เสียชีวิตได้แจ้งความข้อหายักยอกทรัพย์แล้ว

Let's block ads! (Why?)



"ตาม" - Google News
August 07, 2020 at 05:18AM
https://ift.tt/3kiXmUv

ซัด "คดีบอส อยู่วิทยา" ไม่ชัดเจน ตู่ไม่โอเค ตามจับตาใกล้ชิด - ไทยรัฐ
"ตาม" - Google News
https://ift.tt/2U0RPX7
Share:

0 Comments:

Post a Comment